หลังจากผมได้เขียน Blog แกะกล่อง ลองใช้ Macbook Pro 13 Inch with Touchbar ไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ หลังได้ทดลองใช้งานมา 1 วันเต็มๆ ก็จะมาเล่าประสบการณ์ในงานใช้งานให้อ่านกันครับ
ทำไมต้อง Macbook Pro ล่ะ
เพราะผมใช้ Mac มา 6 ปี พบว่าชีวิตง่ายขึ้นมาก ไม่ต้องทะเลาะกับไวรัส ไม่ต้องมานั่งลง Windows ใหม่บ่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็ติดการใช้งาน Logic Pro และ Final Cut Pro จนถอนตัวไม่ขึ้น และไม่อยากไปเริ่มต้นใหม่กับ Windows อีกแล้ว ถึงแม้ปัจจุบัน Surface จะทำมาน่าใช้แค่ไหน ผมก็ไม่อยากไปเสียเวลาเรียนรู้ทั้ง OS และ Application เฉพาะทางอีก รวมถึงผมไม่เคยไว้ใจ Microsoft Thailand เลย ในเรื่องการรับประกันสินค้า
เบาลง บางลง พกง่ายสบายตัวกว่ารุ่นเดิม
ขนาดที่เล็กลง บางลง เป็นส่วนนึงในการตัดสินใจของผม หลังจากที่เคยใช้ Macbook Air 11 นิ้วมาก่อน ถึงจะพกง่ายสบายตัว แต่ประสิทธิภาพยังไม่เพียงพอกับการใช้งานเป็นเครื่องหลักครับ
อีกอย่างสี Space Grey สวยจริงจังมาก ชอบกว่า Silver แบบเดิมๆมากเลย (เดาว่าปีหน้ามีสี Rose Gold แน่ๆ)
ลาก่อนไฟโลโก้ และ Magsafe
สองสิ่งที่แฟน Macbook บ่นอุบ (วิญญาณ Jobs ต้องร่ำไห้แน่นอน) อันแรกนี่ผมก็เซ็งครับ เอกลักษณ์ของ Macbook ที่ไม่มีใครเลียนแบบ ส่วนอันที่สองนี่ผมเฉยๆ เกิดมายังไม่เคยเสียบ Adaptor Notebook ในจุดท่ีเสี่ยงต่อการสะดุดสายมาก่อน เลยไม่มีปัญหากับ Port Charge แบบใหม่ แต่แอบเซ็งที่ ไม่มี LED บอกสถานะชาร์จที่หัวของสายแค่นั้น
คีย์บอร์ดพิมพ์ยาก TrackPad อลังการ
ข้อแรกนี่ผมเซ็งเอาเรื่อง คีย์บอร์ดแบบใหม่ถึงจะปรับปรุงมาจาก Macbook 12 นิ้วแล้วก็ตาม แต่ก็ยังพิมพ์ยาก อารมณ์เกือบเหมือนใช้ Touch Screen แถมบางทีเหมือนจะพิมพ์ไม่ติดยังงัยก็ไม่รู้ ข้อดีของมันก็คงจะเป็น ดูแข็งแรงและน่าจะสึกยากกว่าคีย์บอร์ดแบบเดิม (มั้ง)
TrackPad ใหญ่สะใจ และไม่มีปัญหาในการวางมือพิมพ์อย่างที่มีคนกังวลกัน อันนี้ชอบมากครับ เป็นจุดนึงที่รัก Macbook มากๆ
จอ Retina สบายตาจัง
ส่วนตัวชอบจอของ Macbook Pro รุ่นก่อนหน้านี้มาก มารุ่นนี้จอพัฒนาเรืองความสว่างดีกว่าเดิม (ในระดับที่ถ้าบ้านไฟดับ เปิดพื้นหลังขาว ปรับหน้าจอสว่างสุด ใช้แทนไฟฉายได้สบาย) ทำงานได้สบายตามากๆ
TouchBar เหมือนจะว้าว แต่ยังไม่โปร
จุดเด่นที่สุดของ Macbook Pro รุ่นนี้ก็อยู่ที่ TouchBar ที่เอามาแทน Function Key แบบเดิมๆ สามารถปรับการทำงานได้หลากหลาย ตาม Application และ OSX ที่ออกมาสนับสนุน ซึ่งปัจจุบันยังมีน้อยมากๆ และเอาจริงๆสำหรับคนที่ใช้ Application ในการทำงานจริงจัง เค้าก็แทบจะจำ shortcut บนคีย์บอร์ดได้หมดแล้ว จนแทบไม่ต้องละสายตาจากจอด้วยซ้ำไป ผมเลยมองว่ามันยังไม่โปร สำหรับในตอนนี้ครับ
ส่วนการใช้งานทั่วไป การปรับเสียง ความสว่างหน้าจอ การเดาคำศัพท์ ก็นับว่าสะดวกดีครับ
USB-C/Thunderbolt 3 พอร์ตสำหรับอนาคต ไม่ใช่ปัจจุบัน
Apple ถือว่ากล้ามากที่เอาพอร์ตเดิมออกหมดแล้วเปลี่ยนเป็น USB-C/Thunderbolt 3 แทน เป็นอีกจุดที่ผู้ใช้บ่นกันอุบ เพราะเอาจริงๆในปัจจุบันเรายังแทบไม่มีอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้พอร์ตดังกล่าว ทำให้ต้องเสียเงินซื้อ Adaptor มากมายมาใช้กับมัน
แต่เท่าที่ผมได้ลองใช้ Thumbdrive USB-C มันแรงมากจริงๆ เร็วกว่า USB3.1 เยอะมากๆ อนาคตเราคงได้ใช้พอร์ดนี้เป็นปกติ ทั้งบน Desktop และ mobile ด้วยการที่มันจ่ายไฟได้ถึง 20V 5A หัวที่สามารถเสียบได้ทุกด้านเหมือ Lightning Port และขนาดที่เล็กมากที่ทำให้ใช้กับอุปกรณ์เล็กๆได้
ส่วน Thunderbolt 3 นี่แทบไม่ต้องคิด แค่ Thunderbolt ตัวเก่ายังแทบไม่มีอุปกรณ์อะไรออกมา (มีก็แพงมาก) ส่วนตัวผมใช้ Audio Interface Thunderbolt อยู่ นับว่ายังดีที่ Adaptor ของ Apple ทำให้ใช้งานได้ปกติครับ
ข้อดีอีกข้อของ USB-C บน Macbook Pro 2016 คือ สามารถใช้ทำอะไรก็ได้ใน 4 พอร์ต ทำให้สลับการทำงานได้สะดวก อย่างเช่น ใน Macbook Air บางทีผมต้องเสียบปลั๊กชาร์จทางขวามือ แล้วต้องอ้อมมาเสียบที่พอร์ตทางซ้าย พอมาตัวนี้ เราจะเสียบที่ฝั่งซ้ายหรือขวาก็ได้ นับเป็นความสะดวกเล็กๆที่ลดความหงุดหงิดบางอย่างลงไปได้ครับ
SSD แรงทะลุโลก
ในปัจจุบันไม่มี SSD เจ้าไหนใน Notebook ที่แรงเท่า Macbook Pro 2016 อีกแล้ว แรงในระดับที่ สามารถตัดต่อวิดีโอ 4K แบบ Realtime ได้โดยไม่กระตุก (แต่เกรดสีนี่ไม่ได้นะครับ Graphic Card ในรุ่น 13 นิ้วเอาไม่อยู่) ตรงนี้สำหรับคนที่มีกล้องที่ถ่าย 4K ได้ แต่ไม่กล้าถ่ายเพราะคอมลากไม่ไหว ก็จะได้ใช้งานให้คุ้มค่ากันซะที
ลำโพงในตัวเสียงดีกว่าเดิม
เป็นอีกจุดที่ถือว่าดีงาม เสียงลำโพงในตัว ให้รายละเอียดที่ดีกว่าเดิม เสียงดังกว่าเดิม แทบไม่ต้องพึ่งพาลำโพง Bluetooth เลย (ถ้าไม่ซีเรียสมาก) และขอบคุณที่ยังไม่ตัดช่องหูฟัง 3.5 mm ออก
สรุป
ถ้าคุณเป็นคนที่ถนัดใช้งาน OSX แบบจริงจัง (ใช้หาเงินกับมันได้) Macbook Pro with TouchBar เป็นคำตอบที่ดีแน่นอน ถึงแม้มันจะแพงมากกกกก แต่ถ้าใช้คุ้ม หาเงินกับมันได้ ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่ถ้าแค่ใช้งานทั่วไป หรือเอามาลง Windows มันไม่เหมาะแน่นอน เพราะ Touchbar ที่ไม่ Support Windows (จะกลายเป็น Function Key ธรรมดา) รวมถึงไม่มีไฟโลโก้ไว้แยงตาคนอื่นใน Starbucks อีกต่อไปแล้ว ข้ามไปเล่นตัวอื่นดีกว่าครับ