Review Nord Stage 2

19/06/2012 09:46 Blog

 

หากพูดถึง keyboard หรือเปียโนไฟฟ้าในบ้านเรา ยี่ห้อที่หลายๆคนจะนึกถึงกันก็คงหนีไม่พ้น Yamaha, Korg, Roland ซึ่งถือเป็น 3 brand ใหญ่ยักษ์ของวงการ แต่พอพูดถึง Nord หลายๆคนอาจจะไม่คุ้นหูนัก ส่วนคนที่รู้จักก็อาจจะทราบถึงกิตติศัพท์ของยี่ห้อนี้ ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก (แน่นอนว่า ราคาก็สูงมากๆด้วย) และ Nord Stage 2 ก็ถือเป็น Stage Keyboard รุ่นเรือธงของค่าย Nord ในปัจจุบัน และน่าจะเป็น Stage Keyboard ที่ราคาสูงที่สุดในตลาดตอนนี้ มาดูกันว่า ทำไมผมถึงยอมควักเงินหลักแสนเพื่อเป็นเจ้าของเจ้าตัวนี้กัน

Nord ยี่ห้อนี้มีดีอย่างไร

Nord คือ ผลิตภัณฑ์ดนตรีจากบริษัท Clavia Digital Musical Instruments จากประเทศสวีเดน เป็นเครื่องดนตรี Handmade ที่มีเอกลักษณ์และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง กล่าวคือ ผลิตภัณฑ์ของค่ายนี้ทั้งหมด จะมีการออกแบบที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็น ตัวเครื่องสีแดงสด งานประกอบอันดีเยี่ยมและแข็งแรงทนทาน ปุ่มกดสีเหลี่ยมผืนผ้าสีเทา Pitch Stick ซึ่งเป็น Bender ที่ทำจากไม้ รวมถึง ความเป็นตัวของตัวเองที่สูงมากๆในแต่ละผลิตภัณฑ์ของเขา มันไม่ใช่อุปกรณ์ที่มี function มากมาย มีเสียงเป็นพันๆให้เลือก แต่สิ่งที่ Nord ให้มานั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่มีในปัจจุบัน (ตรงนี้ผมมองว่า Nord กับ Apple ทำผลิตภัณฑ์ออกมาคล้ายๆกัน คือไม่ได้มี function มากมายนัก ไม่ยอมให้ผู้ใช้ปรับแต่งอะไรได้มาก แต่สิ่งที่ให้มาเป็นสิ่งที่ตอบสนองการใช้งานได้ดีที่สุด) และด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงถึงสูงมาก ทำให้ในประเทศไทยไม่ค่อยมีคนใช้สินค้ายี่ห้อนี้มากนัก แต่ในต่างประเทศก็ถือว่าได้รับความนิยมมากพอสมควร สังเกตได้จาก concert หรือ music video จากต่างประเทศ มักจะเห็นคีย์บอร์ดสีแดงๆอยู่เสมอๆ

เกริ่นกันมามากพอสมควรแล้ว มาลองดูว่า Nord Stage 2 มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

Design

ตามสไตล์ของยี่ห้อนี้ บอดี้สีแดงสด วัสดุด้านข้างเป็นไม้ บอดี้เป็นโลหะ งานประกอบดูแน่นหนาแข็งแรงมากๆ (Audital Pro ตัวแทนจำหน่าย nord ในประเทศไทยกล่าวว่า ตั้งแต่ขาย nord มาหลายปีไม่เคยมีลูกค้าส่งเครื่องกลับมาซ่อมเลยแม้แต่ชิ้นเดียว) รุ่นที่ผมเป็นเจ้าของเป็นขนาด 76 คีย์ Hammer Action (HA) น้ำหนัก 16 กิโลนิดๆ ขนาดถือว่าเล็กมากๆสำหรับคีย์บอร์ด hammer weight 76 คีย์ ขนย้ายได้ไม่ลำบากมากนัก นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการเล่นสดที่ต้องเคลื่อนย้ายบ่อยๆได้ดีทีเดียว

Key, Connector

Key ของ Nord Stage 2 HA เป็น Fatar แบบ Hammer Weight ที่มีความไวสูงมากๆ คุณสามารถ trill โน้ตเร็วๆรัวๆได้โดยไม่ติดขัด key สามารถตอบสนอง dynamic ได้เป็นอย่างดี และไม่กินแรงมากขณะเล่น ทำให้สามารถเล่นได้นานๆโดยไม่เมื่อยมือมากนัก แต่ตรงนี้ก็อาจจะขัดใจคนที่เล่นเปียโนที่ค่อนข้างซีเรียสกับคีย์ กล่าวคือ มันไม่ grade น้ำหนักเหมือนเปียโนจริงหรือเปียโนไฟฟ้ารุ่นใหญ่ๆอื่นๆ (ถ้าต้องการตรงนี้คงต้องลองมอง Nord Piano แทน) รวมถึงคีย์จะหนืดๆเล็กๆ เพราะมันถูก setup เรื่อง after touch มาด้วย และคีย์ไม่มีสัมผัสและน้ำหนักเหมือนเปียโนจริงๆ ในขณะที่เปียโนไฟฟ้าอย่าง Yamaha, Roland มีการตอบสนองและสัมผัสที่เหมือนเปียโนจริงๆมากกว่า

Connector ของ Nord Stage 2 ก็ถือว่ามีมาให้ครบครันสมกับเป็น Stage Keyboard รุ่นใหญ่ ได้แก่

  • Output 4 ช่อง สามารถตั้งให้แต่ละ Section ออกที่ Output ได้ก็ได้ (จะอธิบายเรื่อง section ภายหลัง) แต่ไม่สามารถตั้งให้ Section ออกที่ Output ซ้ำกันได้
  • Sustain Pedal ที่ Support Pedal หลากหลายยี่ห้อ รวมถึง Triple Pedal ของ Nord (ซื้อแยกต่างหาก และแพงมาก) Control Pedal ที่ใช้ได้กับหลากหลายยี่ห้อเช่นกัน สามารถตั้งค่าควบคุมได้หลากหลาย อิสระ และง่ายที่สุดเท่าที่เคยใช้มา ด้วย Morph Function (จะอธิบายเรื่องนี้ภายหลัง)
  • Rotor Speed และ Organ Swell Pedal สำหรับ Organ โดยเฉพาะ
  • Headphone Out ขนาด 3.5 มาตรฐาน และ monitor in mini jack
  • USB Port และ MIDI In Out มาตรฐานสำหรับคีย์บอร์ดยุคปัจจุบัน (น่าสังเกตว่าไม่มี MIDI Thru)
connections

connections

Interface Panel

จะถูกแบ่งออกตาม Section ได้แก่ Organ, Piano, Synth, Extern และ Effect โดยจะมีหน้าจอ LCD เล็กๆและปุ่มสำหรับการปรับ parameter พื้นฐานอยู่ตรงกลางเครื่อง ถึงหน้าจอจะเล็กมาก แต่ด้วยปุ่มและ knob จำนวนมาก ทำให้การปรับแต่งทุกอย่างอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องเสียเวลาเข้าเมนู ไม่เสียสมาธิและเวลาในการเล่นสด

ระบบการทำงาน

Nord Stage จะมีการปรับแต่งและระบบโดยรวมแตกต่างกับ keyboard ยี่ห้ออื่นๆโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ ถ้าคุณเคยใช้ workstation keyboard อย่าง Korg, Yamaha, Roland มาก่อน ระบบจะคล้ายๆกัน โดยจะมีเสียงเดี่ยวๆให้เลือกใช้ และสามารถนำเสียงเดี่ยวๆนั้นมา layer หรือ split กันได้หลายๆเสียง ตามข้อจำกัดของแต่ละรุ่นหรือยี่ห้อ เช่น Korg จะมีโหมด PROG สำหรับเสียงเดี่ยวๆ และนำเสียงนั้นๆมาผสมกันในโหมด COMBI โดยจะผสมกันได้ 8-16 เสียงแล้วแต่รุ่น เป็นต้น

แต่ Nord Stage จะแตกต่างจากนั้น มันประกอบไปด้วย 2 Slot (Slot A และ B) ในแต่ละ Slot จะมีเสียงทั้งหมด 3 Model หลักๆเหมือนกัน ได้แก่ Organ, Piano, Synth โดยแต่ละ Model จะมีขนาดของเสียงและ Parameter ที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง เราสามารถนำเสียงทั้ง 3 section มาทำ Layer หรือ Split กันได้ในแต่ละ Slot และสามารถนำเสียงทั้ง 2 Slot มาทำ Layer หรือ Split กันได้เช่นกัน

ซึ่งหมายความว่า ใน 1 program เราจะสามารถเอาเสียงของ Organ 2 เสียง, Piano 2 เสียง และ Synth 2 เสียง มาผสมกันได้เท่านั้น ไม่สามารถนำเอา Piano 3 เสียง มาผสมกันได้ เป็นต้น ถือว่าเป็นข้อจำกัดที่แตกต่างกับ keyboard อืนๆโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว

และนอกเหนือจาก Model ทั้ง 3 ที่กล่าวมา Nord Stage ยังมี Extern Section ที่สามารถนำเสียงจากภายนอก (เช่น Sound Module, Keyboard ตัวอื่น) มาผสมร่วมกันได้อีก 1 Section ในแต่ละ Slot ถือว่าเป็น Keyboard ที่สามารถควบคุมเสียงจากอุปกรณ์ภายนอกได้ค่อนข้างง่ายโดยที่ไม่ต้องเข้าใจในระบบ MIDI มากนัก

ในแต่ละ Section เราสามารถตั้งค่าการควบคุมเสียงของ Sustain Pedal และ Pitch Stick ได้อย่างอิสระ และนอกจากนั้น ยังสามารถตั้งค่า Control Pedal, Wheel และ After Touch ให้ไปควบคุมค่าต่างๆได้อย่างอิสระด้วย Morph Function โดยเราสามารถตั้งค่าการเปลี่ยน Parameter มากกว่า 1 ตัวด้วย Control Pedal, Wheel และ After Touch พร้อมๆกันได้ ยกตัวอย่างเช่น

ผมต้องการปรับ Volume ของ Organ, Piano, Synth พร้อมๆกัน โดยใช้  Control Pedal โดยเมื่อเหยียบ Control Pedal ลงสุด ให้ Volume ของ Organ อยู่ที่ 20%, Piano อยู่ที่ 0% และ Synth อยู่ที่ 50% และเมื่อกด Control Pedal จนสุด ให้ Volume ของ Organ อยู่ที่ 100%, Piano อยู่ที่ 70% และ Synth อยู่ที่ 80%

ซึ่งในการปรับแต่งแบบนี้สามารถ set ค่าผ่าน Morph function ได้สบายมาก ต่างกับ Keyboard รุ่นอื่นๆที่อาจจะทำแบบนี้ไม่ได้ หรืออาจจะทำได้บ้างในบางรุ่นแต่ก็ต้องมีการตั้งค่าที่วุ่นวายมากๆ นอกจากนี้ Morph Function สามารถควบคุม Parameter นอกจากเหนือจาก Volume ได้ โดยสิ่งที่มันจะควบคุมค่าได้จะเป็น knob ที่มี Parameter เป็นไฟสีแดง และ LED Drawbar ใน Organ Section (knob ที่เป็น analog แบบตายตัวไม่สามารถทำได้ครับ)

เสียงและ Effect

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า Nord Stage 2 มีเสียงมาให้ 3 Model ซึ่งผมจะอธิบายในแต่ละ Model เลยครับ

Organ Model

Organ Model

  • Organ Model – มีมาให้ทั้งหมด 3 Model ได้แก่ B3 Tone wheel Organ, Vox Continental และ Farfisa ซึ่งในแต่ละเสียงทำออกมาได้สมจริงมากๆ รวมถึงภาค Effect ของ Organ โดยเฉพาะ, LED Drawbar และ Pedal Connector สำหรับควบคุมค่าโดยเฉพาะ ทำให้ Nord Stage 2 เป็น Stage Keyboard ที่ให้ความสำคัญกับ Organ มากที่สุดรุ่นนึงครับ
Piano Model

Piano Model

  • Piano Model – หลายๆคนที่ได้ลองเสียง Piano ของ Nord Stage 2 ก็จะเกิดอาการหลงใหลได้ปลื้มถึงขั้นเก็บเอาไปนอนฝันกันหลายคน (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น 55) หลายๆคนกล่าวเอาไว้ว่า มันคือเสียงเปียโนไฟฟ้าที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบัน คือมันไม่ได้มีแค่เสียงดี แต่มีความความสมจริงของเสียงและการเล่นด้วย ซึ่งเปียโนทั้งหมดจะแบ่งเป็น 5 ประเภทด้วยกันคือ Grand Piano, E.Piano, Clavinet, Harpsichord และ Upright โดย Piano Model จะมีพื้นที่ถึง 500 Mb เราสามารถเลือกเสียงที่ต้องการจาก Nord Piano Library มาใส่ได้ตามต้องการ และจะมีเสียงใหม่ๆให้ Download ฟรี นับว่าเป็น keyboard ที่เป็น Hardware หนึ่งเดียวในตอนนี้ที่สามารถทำแบบนี้ได้ครับ
Synth Model

Synth Model

  • Synth Model – มี Wave form ทั้งหมด 3 แบบ และ Wavetables synthesis: 62 waveforms, FM synthesis: 2 & 3 Operator FM synthesis รวมถึง Sample Playback ซึ่งมีพื้นที่ให้ 380 Mb โดยสามารถ Download เสียงได้จาก Nord Sample Library หรือจะสร้างและนำเข้าเองได้จาก Nord Sample Editor ด้วย มี Arpeggiator ที่มี Pattern Up, Down, Up-Down and Random เท่านั้น โดยรวมถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดีและใช้งานง่ายถึงแม้จะปรับแต่งอะไรไม่ได้มาก แต่ข้อเสียที่แตกต่างจาก Keyboard ทั่วๆไปคือ เสียงเครื่องดนตรี Acoustic จะเป็น Sample Playback เท่านั้น ถึงแม้เสียงจะฟังดูดีสมจริงแต่ไม่สามารถเล่นให้ดูเหมือนเครื่องดนตรีจริงๆ และยังเป็นแค่ 1 Layer ด้วยครับ

โดยรวมแล้ว Nord Stage 2 มีเสียง Organ และ Piano ที่ดีมากๆ เรียกได้ว่าน่าจะดีที่สุดในบรรดา Keyboard ทั้งหมด ทั้งเรื่องเสียงและการเล่นให้สมจริง แต่ในส่วนของ Acoustic Instrument อื่นๆ ไม่สามารถเล่นให้ฟังดูคล้ายเครื่องดนตรีจริงได้มากนักถึงแม้จะมีเสียงที่ฟัง ดูดีก็ตาม ส่วนภาค Synth ทำออกมาได้ดีถึงแม้จะไม่สามารถปรับแต่งได้ละเอียดมากครับ

Effect Section

Effect Section

ภาค Effect จะประกอบด้วย 6 กลุ่มใหญ่ๆคือ Modulator เช่น Flanger, Phaser, Chorus ซึ่งจะเป็นออกเป็น 2 กลุ่ม, Delay, EQ และ Amp sim โดยในกลุ่มนี้จะสามารถตั้งได้ว่าให้มีผลกับ Model เสียงใดบ้าง ส่วน Compressor และ Reverb จะเป็นกลุ่ม Effect ที่มีผลโดยรวมกับเสียงทั้ง Program ครับ ภาค Effect ของ Nord Stage 2 ทำออกมาได้ดีมากๆ (โดยเฉพาะ Reverb ผมชอบมากๆ) ถึงแม้จะมีไม่มากและปรับแต่งได้ค่อนข้างน้อยก็ตาม

ความสามารถอื่นๆที่น่าสนใจ

  • Mono Output – ในกรณีที่เราไปเล่นในสถานที่ๆที่ไม่สามารถต่อ Nord Stage 2 ในแบบ Stereo ได้ เราก็สามารถต่อออกเพียง Channel เดียว และตั้งค่า Mono Output ซึ่งจะเป็นการเอา Stereo Channel มารวมออกเป็น Mono (แน่นอนว่าต้องยอมเสียมิติเสียงไป) โดยตรงนี้จะแตกต่างกับ Keyboard อื่นๆที่ถึงแม้ Output จะเขียนว่า Mono แต่จะเป็นการนำเสียงของ Left Channel ออกมาอย่างเดียวทำให้นอกจากขาดมิติในแบบ Stereo ไปแล้วยังได้เสียงที่บางและไม่เต็มอิ่มด้วย
  • Live Mode – เราสามารถ setup เสียงสำหรับการเล่นในครั้งนั้นๆเอาไว้ได้ 5 Program โดยเมื่่อทำการปรับแต่งค่าใดๆใน Live Program เมื่อเปลี่ยน Program ไปแล้ว ถึงแม้จะไม่ทำการกดบันทึก ค่านั้นจะถูกบันทึกอยู่โดยไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้เราสามารถตั้งค่าการใช้งานให้เหมาะสมกับการเล่นครั้งนั้นๆได้อย่างสะดวกครับ
  • Pitch Stick – หลายๆคนอาจจะคุ้นเคยกับ Bender ที่เป็นวงล้อหรือ joy stick แต่สำหรับ Nord Bender จะเรียกว่า Pitch Stick ซึ่งจะทำด้วยไม้ มีการตอบสนองการเล่นที่ดีมากๆ นอกจากใช้ปรับ Pitch ของเสียงได้เหมือนๆกับ Bender ทั่วไปแล้ว ด้วยการตอบสนองที่ไวมากๆของมันเราสามารถทำ Vibrato ของเสียงได้ด้วยการขยับมือเบาๆด้วย (เจ๋งมาก) แต่สำหรับ Nord Stage 2 มันสามารถปรับ Pitch ได้แค่ +/- 2 เท่านั้นและไม่สามารถตั้งค่ามากกว่านี้ได้นับว่าน่าเสียดายมากๆ

สรุป

ถ้าคุณหลงไหลในรูปร่างและสีสันที่สะดุดตาไม่เหมือนใครของ Nord เป็นมือ Piano และ Organ บน Stage ตัวยงที่ต้องการความสุดยอดของเสียงและการเล่นที่สมจริง เป็นนักดนตรีเคลื่อนที่เร็วที่ต้องการอุปกรณ์ที่น้ำหนักไม่มากจนเกินไป และมีความทนทานแข็งแรง สุดท้ายแล้วคุณพร้อมจะยอมควักเงินแสนกว่าเพื่อตอบสนองความต้องการที่คุณหาไม่ได้จาก Keyboard อื่นๆ Nord Stage 2 จะเป็นอุปกรณ์ที่คุณต้องถูกใจแน่นอน

แต่..ถ้าคุณเป็นนักดนตรีที่ต้องการ function มากมาย สามารถทำเพลงได้จบบน Keyboard และคิดว่า การจ่ายเงินถึงแสนกว่าแต่ได้เสียงดีมากๆแค่ Piano, Organ, Synth แต่เสียงเครื่องเป่าหรือเครื่องสายที่เล่นได้สมจริงกลับไม่มี รวมถึงไม่ชอบสีแดง (อาจจะด้วยเหตุผลทางการเมือง 😛 ) Nord Stage 2 คงไม่ใช่อุปกรณ์ที่เหมาะกับคุณครับ

 

 

No Comments

(Required)
(Required, will not be published)

This blog is kept spam free by WP-SpamFree.